tag:blogger.com,1999:blog-52998677875096568912024-02-19T02:13:40.306-08:00Guitar X Class : การเล่นกีตาร์ สไตล์การเล่นกีต้าร์ วิธีตั้งสายกีตาร์ การจับคอร์ด กีต้าร์Unknownnoreply@blogger.comBlogger25125tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-51877918446982085542008-12-28T03:22:00.000-08:002008-12-28T03:27:44.531-08:00Scale & Mode : Major Scale<p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;"> เมเจอร์ สเกล เป็นแม่แบบของสเกลทุกอย่าง ทุกๆสเกลสร้างขึ้นโดยพื้นฐานโครงสร้างมาจาก เมเจอร์สเกล </span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">ควรจะให้ความสำคัญกับ เมเจอร์ เป็นอย่างมาก</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">OCTAVE คือ โน้ต เดิม ที่เสียงสูงขึ้น หรือต่ำ ลงมา 8 ขั้น โน้ตของเมเจอร์ จะห่างกัน 1 หรือ 1/2 เสียง ไม่ว่าจะเป็น </span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">สเกล C ,D,E หรือ A ก็ตาม จะมีรูปแบบเหมือนกัน</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">ให้ จำเอาไว้ว่า เมเจอร์สเกลนั้น โน้ต ระหว่างตัวที่ 3 กับ 4 จะห่างกัน 1/2 เสียง และ โน้ต ระหว่างตัวที่ 7 กับ 8 จะห่างกันครึ่งเสียง</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">เช่น สเกล C Major = C D E^F G A B^C จะเห็นได้ว่า โน้ตตัว E กับ F และ B กับ C จะห่างกัน 1/2 เสียง </span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">(**** เครื่องหมาย ^หมายถึง 1/2 หรือ ครึ่ง เสียง****) </span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">ดังนั้น ถ้าลองมา แปลง เป็น สเกล A ก็ให้เรียงโน้ต เริ่มจากตัว A เป็นตัวที่ 1 และไล่ไปจนครบ 8 ตัว แต่อย่าลืมสูตรนะครับ 3^4,7^8</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">จะได้ผลดังนี้ A Major = A B C# D E F# G# A จะเห็นว่า ตามสูตรเลยนะครับ 3^4,7^8 </span></p> <p align="center"><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;">A Major Scale</span></p><p align="center"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidvpStuY-K-Mrc39vsvRCw_nwyL8ILtTFQRqXi9k7ZJqjUhEvhIl-TBE2rE4Wl2fbeoDXSWq5Fp_GtdmjknZP_1wKvZuWgftxpegVB-VlpdxyixZy26qBiXQv8amfBhpl2NEmMirFxuds/s1600-h/major.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 400px; height: 95px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidvpStuY-K-Mrc39vsvRCw_nwyL8ILtTFQRqXi9k7ZJqjUhEvhIl-TBE2rE4Wl2fbeoDXSWq5Fp_GtdmjknZP_1wKvZuWgftxpegVB-VlpdxyixZy26qBiXQv8amfBhpl2NEmMirFxuds/s400/major.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5284801080292413250" border="0" /></a></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-77082021970721623462008-12-28T03:19:00.000-08:002008-12-28T03:22:44.613-08:00การดันสายเหนือ nut<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQg6VnKZ9uRa0APJPT5F6b12h8h2eSRUhXJ0M-4_VN5Dqx5uFgIWN5UPhz-6-EEAcKKvTgNG4JE21EgvFz2H2avYyUZ1oWjDo0Qc1IQNb_2M2JxYDI0-t15nvXA8D1ytB8N4OX5BfcIyU/s1600-h/daily_trick.htm_txt_trick-nb.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 185px; height: 301px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQg6VnKZ9uRa0APJPT5F6b12h8h2eSRUhXJ0M-4_VN5Dqx5uFgIWN5UPhz-6-EEAcKKvTgNG4JE21EgvFz2H2avYyUZ1oWjDo0Qc1IQNb_2M2JxYDI0-t15nvXA8D1ytB8N4OX5BfcIyU/s400/daily_trick.htm_txt_trick-nb.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5284799765530158242" border="0" /></a><br /><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;color:#004080;"> เมื่อพูดถึงการดันสายแล้วเพื่อน ๆ คงจะรู้จักกันบ้างแล้วก็คือดันสายกับนิ้วที่กดสายนั้น แต่การดันสายนี้เป็นการดันสายซึ่งจริง ๆ (น่าเรียกว่ากดสายมากกว่า) กับสายซึ่งอยู่เหนือ nut ขึ้นไป ขั้นตอนการเล่นนั้นไม่ยากเลย</span> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;color:#004080;"> 1. ในขณะที่กดสายกีตาร์ที่ช่องใดหรือสายใดก็ตาม แล้วดีดสายนั้น</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;color:#004080;"> 2. เมื่อดีดแล้วให้เลื่อนมือขวาที่ดีดมากดสายที่ดีดนั้นบริเวณสายที่อยู่ระหว่าง nut กับลูกบิด (บริเวณกรอบเหลืองในรูป) ด้วยนิ้วกลางซึ่งไม่ได้จับปิค หรือนิ้วอื่นที่ถนัด</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;color:#004080;"> 3. หรือกรณีที่คุณดีดสายเปล่าคุณอาจจะใช้มือซ้าย นิ้วที่ถนัดในการดันสายที่เหนือ nut ก็ได้</span></p> <p><span style="font-family:MS Sans Serif;font-size:85%;color:#004080;"> เทคนิคนี้จะทำให้เสียงสูงขึ้นคล้าย ๆ กับการดันสาย แต่จะมีลักษณะเสียงต่างกันเล็กน้อย และจะใช้ได้กับกีตาร์ที่ไม่มีตัวล็อคสายที่ nut เช่นกีตาร์ไฟฟ้า telecaster หรือ gibson เป็นต้น</span></p><p><br /></p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-58499964974537817452008-12-28T03:13:00.000-08:002008-12-28T03:18:44.303-08:00Tab ฝึกหัด<span style="font-family:Microsoft Sans Serif;"><small><span style="color:#400080;">คำว่า symmetrical นั้นตามตามความหมายจะหมายถึง ความสมมาตร ความเท่ากัน หรือความมีสัดส่วนที่รับกัน เหมือนแขนงหนึ่งของวิชาเลขที่เราเคยเรียนนั่นแหละ แต่ในความหมายทางดนตรี หรือทางกีตาร์นั้น จะหมายความว่า การที่ใช้ฟอร์มหรือรูปแบบที่คล้าย ๆ กัน หรือเหมือนกัน ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งในลักษณะของตัวโน๊ตที่เรียงต่อเนื่องกัน หรือทิศทางการวางนิ้วหรือเดินนิ้ว ซึ่งส่วนมากจะใช้เพื่อเป็นการฝึกนิ้วในการโซโลเราลองมาดูตัวอย่างแรกกันเลย<br /><br /><br /></span></small></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtqU8TvlgnafExP1LV1Ey-hYv-FMh6wJTUgcifd0bGjeQd8ImXcWy-FjlKaRDPhp8PWfbj5Cj2nLRpzc2L7Q-9zvB471hFBaVvPdZE4N_NbTcsdVuiVzqnROWfpsWDOQc2Q9c_W3m9Vsg/s1600-h/exs1.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 400px; height: 84px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtqU8TvlgnafExP1LV1Ey-hYv-FMh6wJTUgcifd0bGjeQd8ImXcWy-FjlKaRDPhp8PWfbj5Cj2nLRpzc2L7Q-9zvB471hFBaVvPdZE4N_NbTcsdVuiVzqnROWfpsWDOQc2Q9c_W3m9Vsg/s400/exs1.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5284798533371700658" border="0" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlALGPmeCCdPDP6GALTJs8GfAE5qzQWogeLkDnpT8N_z3SHDl9MocXA8_k1kfsaZwnUex9fWo2Hg5jiaDA_XwUQta2a_rowgMuxyE_e14gYKklfT2N1S-jmcnQ59bl5Tp7-loTjJ0umBo/s1600-h/exs3a.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 400px; height: 90px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlALGPmeCCdPDP6GALTJs8GfAE5qzQWogeLkDnpT8N_z3SHDl9MocXA8_k1kfsaZwnUex9fWo2Hg5jiaDA_XwUQta2a_rowgMuxyE_e14gYKklfT2N1S-jmcnQ59bl5Tp7-loTjJ0umBo/s400/exs3a.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5284798525549578786" border="0" /></a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-70749331080786897002008-12-28T03:08:00.000-08:002008-12-28T03:10:27.479-08:00การใช้งานมือขวา<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgRIsgovtrh9J7Wk87_Wxe6oLSeZ3ymbMFjnqV5ctgYWK2gMVIM8V9nl_04rh78hev_CgpgqMO7MrLHmx3H2CG1mQGvTyOishfxPzNwfVKg7ZCnolQqR5EvmAsfqq-AHelbVl_PuZ3ccx0/s1600-h/part_2.htm_txt_r-hand4.gif"><img style="margin: 0px auto 10px; display: block; text-align: center; cursor: pointer; width: 200px; height: 152px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgRIsgovtrh9J7Wk87_Wxe6oLSeZ3ymbMFjnqV5ctgYWK2gMVIM8V9nl_04rh78hev_CgpgqMO7MrLHmx3H2CG1mQGvTyOishfxPzNwfVKg7ZCnolQqR5EvmAsfqq-AHelbVl_PuZ3ccx0/s200/part_2.htm_txt_r-hand4.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5284796578172351746" border="0" /></a><br /><br /><br />สำหรับมือขวาในการเล่นกีตาร์จะมีหน้าที่ทำให้เกิดเสียงไม่ว่าด้วยการดีดด้วยนิ้วหรือการเกา การดีดด้วยปิคล้วนแต่ควบคุมด้วยมือขวาทั้งนั้น โดยหน้าที่ของแต่ละนิ้วนั้นสรุปคร่าว ๆ ได้แก่ ถ้าจับปิคดีดจะจับด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้ง แต่ถ้าคุณเล่นเกาแล้ว นิ้วโป้งจะมีหน้าที่ควบคุมเสียงเบส(หมายถึง 3 เส้นบน)เป็นส่วนมาก และนิ้วชี้ กลาง และนิ้วนาง จะควบคุม 3 สาย ล่างเป็นหลัก ส่วนนิ้วก้อยนั้นถึงแม้ไม่มีส่วนในการดีด แต่บางคนก็มักใช้นิ้วก้อยยันกับตัวกีตาร์เวลาเกา นอกจากนี้ยังใช้ประโยชน์ในการเล่นกีตาร์ลี๊ดเช่นการใช้บังคับคันโยก การปรับปุ่ม tone หรือ volume เวลาลี๊ดกีตาร์ไฟฟ้า(เทคนิคดังกล่าวจะพูดในภายหลังนะครับ) นอกจากส่วนของนิ้วมือแล้ว สันมือก็ใช้ในการทำเสียงบอด(mute) ได้เช่นกันซึ่งจะได้กล่าวในเรื่องของการใช้เทคนิคมือขวาต่อไป<br /><br /> การดูแลโดยทั่วไปสำหรับมือขวานะคือไม่ควรไว้เล็บยาวจนเกินไปโดยเฉพาะ นิ้วชี้ ,กลาง และนิ้วนางเพราะจะทำให้ดีดสายกีตาร์หรือแม้แต่จับปิคได้ไม่สะดวก แต่อาจไว้เล็บพอประมาณเพื่อใช้เกากีตาร์<br /><br /> สำหรับผู้ที่ถนัดซ้ายนั้นการเล่นก็จะกลับกับคนถนัดขวาคือ มือซ้ายจะใช้ดีด แต่มือขวาจะมาจับคอร์ดแทน ซึ่งกีตาร์สำหรับคนถนัดซ้ายนั้นก็มีขายนะ แต่ถ้ามันหายากนักผมว่าก็ใช้กีตาร์ของแบบถนัดขวา(แต่พยายามอย่าเลือกแบบคอเว้า หรือมีปิคการ์ดด้านล่างนะครับ) แล้วก็ใส่สายใหม่โดยกลับสายจากสายบนสุด ไปใส่ล่างสุดแทนก็ได้ แต่ก็มีนะครับนักกีตาร์มีซ้ายที่ใช้กีตาร์แบบเล่นมือขวามากลับพลิกแล้วเล่นเลยไม่ต้องเปลี่ยนสงเปลี่ยนสายให้เสียเวลา ดังนั้นสาย 1 จะมาอยู่บน สาย 6 จะไปอยู่ล่าง เช่น นักกีตาร์โฟล์คหญิงที่ชื่อ Elizabeth Cotten แต่ผมก็ไม่รู้นะครับว่าเค้าเล่นยังไงเคยฟังแต่เพลงเค้าเก่งจริง ๆ ครับและก็ยังมีอีกเป็นนักกีตาร์บลูส์แต่ผมลืมชื่อไปแล้ว ดังนั้นคนที่ถนัดซ้ายไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรผมว่าเท่ซะอีก และนักกีตาร์มือซ้ายที่โด่งดังเช่น jimi hendrix สุดยอดคนหนึ่งของวงการกีตาร์และ kurt cobain แห่ง nirvana ผู้ล่วงลับ เป็นต้นUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-34948445346992861112008-12-28T03:07:00.001-08:002008-12-28T03:07:47.617-08:00Sharp & Flat<span style="font-weight:bold;">เครื่องหมาย ชาร์ฟ และ แฟล็ท (Sharp & Flat)</span><br /><br /> จากที่ได้รู้จักเสียงดนตรีทั้ง 7 เสียงนั้นถือเป็นระดับเสียงตามธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งระดับเสียงจะห่างกัน 1 เสียงเต็ม (หมายถึงระดับความสูงต่ำของเสียง) แต่จะมี 2 คู่ที่ต่างกันครึ่งเสียง คือ ระหว่าง E, F และ B, C ไม่ใช่ครึ่งจังหวะอย่าเพิ่งงงล่ะ ตอนนี้เราพูดถึงเรื่องระดับของเสียงอยู่ไม่ใช่จังหวะ<br /><br /> ในการแต่งเพลงหรือดนตรีสากลมักจะมีเสียงที่เป็นครึ่ง ๆ คือไม่ใช่เสียงเต็มแบบธรรมชาติซึ่งไม่มีกำหนดในสัญลักษณ์ดนตรีสากล จึงต้องมีการสร้างสัญลักษณ์เพื่อทำให้โน๊ตนั้นมีระดับเสียงสูงขึ้นหรือต่ำลงครึ่งเสียงและสัญลักษณ์ดังกล่าวก็คือเครื่องหมายชาร์ฟ (#) และแฟล็ท (b) นั่นเอง<br /><br /> - เครื่องหมาย ชาร์ฟ (Sharp ; #) เมื่อปรากฎที่โน๊ตตัวใดจะทำให้โน๊ตนั้นมีระดับเสียงสูงขึ้นครึ่งเสียงเช่น C# อ่านว่า ซี-ชาร์ฟ จะมีระดับเสียงสูงกว่า C อยู่ครึ่งเสียง<br /><br /> - เครื่องหมาย แฟล็ท (Flat ; b) ตรงกันข้ามกับ # เมื่อปรากฎที่โน๊ตตัวใดจะทำให้โน๊ตนั้นมีระดับเสียงต่ำลงครึ่งเสียงเช่น Eb อ่านว่า อี-แฟล็ท จะมีระดับเสียงต่ำกว่า E อยู่ครึ่งเสียง<br /><br /> ดังนั้นจะต้องมีโน๊ตที่มีระดับเสียงซ้ำกันอันได้แก่ C# = Db , D# = Eb , F# = Gb , G# = Ab และ A# = Bb นอกจากนี้ยังมี Cb = B , B# = C , E# = F และ Fb = E ซึ่งแบบหลังมักไม่นิยมเขียนในรูป # , b<br /><br /> เมื่อมีการกำหนดเครื่องหมาย # หรือ b ลงบน staff ที่ในช่องระหว่างเส้น หรือบนเส้นใดก็ตาม(ศึกษาจากเรื่อง scale ได้) จะมีผลบังคับให้ตัวโน๊ตทุก ๆ ตัวที่อยู่บนเส้นหรือในช่องนั้น ๆ ถูกบังคับด้วย # หรือ b เช่นกัน นอกจากนี้ยังรวมถึงโน๊ตที่มีเสียงเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ช่องหรือบนเส้นใดของ staff ดังเช่น เมื่อมีการติดเครื่องหมาย # ไว้บนเส้นบนสุดของ staff ซึ่งเส้นนี้มีเสียง F อยู่ เมื่อมี # อยู่บนเส้นนี้จะมีผลให้โน๊ตทุกตัวที่อยู่บนเส้นนี้มีค่าเป็น F# ทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องเขียน # ไว้ที่โน๊ตทุก ๆ ตัว นอกจากนี้โน๊ตที่มีเสียง F ทั้งหมดเช่นในช่องล่างสุด(ระหว่างเส้นที่ 1 กับ 2) ซึ่งมีเสียง F เช่นกัน ก็จะกลายเป็น F# ไปโดยปริยาย สำหรับเครื่องหมาย b ก็เช่นเดียวกันแต่จะทำให้ค่าของโน๊ตลดลงครึ่งเสียงUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-30344936978837560242008-08-31T00:00:00.000-07:002008-08-31T00:04:43.215-07:00คอร์ดไมเนอร์เราสามารถสร้างคอร์ดไมเนอร์ขึ้นได้จากขั้นคู่ 3 rd 2 ชุด คือคู่สามไมเนอร์และคู่สามเมเจอร์วางต่อกันไปหรือคิดง่ายๆเป็นสูตรคือ 1 b3 5 สำหรับตัว b3 หมายถึง ให้ลดตัวที่สามลงครึ่งเสียงในตอนที่แล้วเราได้กล่าวถึงคอร์ดเมเจอร์ซึ่งมีสูตร 1 3 5 ก็คือ C E G ใช่ไหมทีนี้เราเอาตัวที่ 3 มาลดลงครึ่งเสียงตามสูตร 1 b3 5 ของคอร์ดไมเนอร์เราก็จะได้ C Eb G ซึ่งก็คือ คอร์ด Cm นั่นเอง พอจะเข้าใจนะครับเรามาดูคอร์ดไมเนอร์ต่างๆตามรูปด้านล่างกันเลยครับ<br /><br /><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240573750875762082" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiw_vwNoT6crOItYwAnfgb8HQO2_beO2orDpRT-uH5OnNI2-q6Ti4d7ucwQ7emubNwvtH_rkHp0wJYCm83unX35FhZtZUmDoRyJfTYYJa4kxVnBfK1nDhxG-h7fXo7Dp1XJVY2zOYXFObU/s400/11.jpg" border="0" /></p><p>MINOR CHORDS WITH SHARPS</p><p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240573755300994786" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvaPCxjcrYKXnueSEuNDqbHzeFnIL7fe84yexBy284b08a4cwQbO-rDEiA52LHuCePRVTeLYUqpYevQyBxBvGi2LSvBm841HLHhPfYkvioT4XQCL7XQO7i3pwmAxtUcrvnMc7kaUu_lU8/s400/22.jpg" border="0" />MINOR CHORDS WITH FLATS<br /></p><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240573756086971314" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOO-vdXfONUBmDMZdhyphenhyphenQ3vgJdcnGT1F0KZuKWC8vHUuhqoAmZbLeL5sXpirozW-D0Zy53xfAeHZ8jXRVOkCvRITTbNS85FuERVS9kb591P5czM7_tUZ64A2ew_5qEr7UKrL_LcAl9ph0I/s400/33.jpg" border="0" />Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-59329094624507920682008-08-30T23:47:00.000-07:002008-08-30T23:49:27.243-07:00ส่วนประกอบต่างๆของ Acoustic Guitar ( กีต้าร์โปร่ง )<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtl5yT8QkurlwtLlDEp2jftMG_G_xEW8oAn6cnXcNpgs2s6yZQrS3FIkgs1uxeCNuPM3V7fggkZSdvzpIeVRlFHSNGSFIxst3lSkNIkjC4Tz6mb_ouH_KCcVHrCRJkYnqmEgmM0Pl9Ads/s1600-h/acousticguitar.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240569855647246914" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; CURSOR: hand; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjtl5yT8QkurlwtLlDEp2jftMG_G_xEW8oAn6cnXcNpgs2s6yZQrS3FIkgs1uxeCNuPM3V7fggkZSdvzpIeVRlFHSNGSFIxst3lSkNIkjC4Tz6mb_ouH_KCcVHrCRJkYnqmEgmM0Pl9Ads/s400/acousticguitar.jpg" border="0" /></a><br /><div>ตามที่เห็นในรูป ผมจะแบ่งมันออกเป็น 3 ส่วนนะครับ คือ ส่วนหัว ส่วนคอ และลำตัว เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบาย</div><div> </div><div><strong>ส่วนหัว ( Headstock )</strong> จะเป็นส่วนที่มีลูกบิด ( Tuning Keys ) ที่จะเอาไว้ใส่สาย ตรงที่เป็นลูกบิดเรียกว่า Tuners ส่วนตรงที่มีรูให้เอาสายแหย่เข้าไปเรียกว่า Tuners postsส่วนแท่งสีขาวๆเล็กๆ ที่สายกีต้าร์พาดผ่านมันลงไป เราเรียกว่า nut ( นัท )</div><div> </div><div><strong>ส่วนคอ ( neck )</strong> ก็จะมีฟิงเกอร์บอร์ด ( fingerboard ) และเฟร็ต ( frets )</div><div> </div><div><strong>ส่วนลำตัว ( body )</strong> ก็จะมีช่องกลมๆใหญ่ๆที่เอาไว้รับเสียงเรียกว่า ซาวด์โฮล ( soundhole ) และในช่องนี้ยังสามารถที่จะติดตั้งอุปกรณ์รับเสียง ( pickup ) ได้ด้วยและมีปิ้คการ์ด ( pickguard ) เอาไว้ป้องกันรอยขูดขีดจากปิ้คของเราล่างสุดก็จะเป็นหย่องหลัง โดยอันที่ยึดติดกับตัวกีต้าร์เราเรียกว่า แซดเดิ้ล ( saddle ) จะมีหมุดสำหรับใส่สาย และมี บริดจ์ ( bridge ) คอยรองสายเอาไว้</div>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-36188621232069965902008-08-30T23:41:00.000-07:002008-08-30T23:44:15.763-07:00โครงสร้าง chord พื้นฐานที่ควรรู้<p>คอร์ด หมายถึง ตัวโน้ตตั้งแต่สามตัวขึ้นไปรวมกันเรียกว่า คอร์ด ชื่อคอร์ดเรียกตามชื่อตัวโน้ต Root หรือตัวหลักของบันได้เสียง ไม่ว่าจะเป็นคอร์ด เมเจอร์ ( Major Chord ) หรือ ไมเนอร์ ( Minor Chord ) หรือคอร์ดอื่น ๆ ก็ต้องใช้บันไดเสียง เมเจอร์ ( Major ) เป็นหลักในการคิดคำนวนหารูปคอร์ดนั้น ๆ</p><p> </p><p>รูปแบบของคอร์ดในขั้นพื้นฐาน มี 4 ชนิดคือ</p><p>- คอร์ดเมเจอร์ ( Major Chord )<br />- คอร์ดไมเนอร์ ( Minor Chord )<br />- คอร์ดดิมินิช ( Diminished Chord )<br />- คอร์ดอ๊อกเมนเต็ด ( Augmented Chord )</p><p>จึงขอยกตัวอย่างคอร์ดพื้นฐานทั้ง 4 ชนิด เพื่อเป็นแนวทาง หรือชี้นำ ในการศึกษาโครงสร้างของคอร์ดอื่น ๆ ต่อไป<br /><br />- โครงสร้าง คอร์ดเมเจอร์ ( Major Chord ) คือ ตัวที่ 1 - 3 - 5 และเมื่อเราต้องการหาคอร์ดต่างๆที่เป็นเมเจอร์ ( Major Chord ) เช่น คอร์ด C เมเจอร์ ตัวโน้ตที่อยู่ในกลุ่มคอร์ด C คือ C - E - G<br /><br />- คอร์ดไมเนอร์ ( Minor Chord ) คือ 1 - 3b - 5 เช่น คอร์ด Cm ตัวโน้ตที่อยู่ในกลุ่มคอร์ด Cm คือ C - Eb - G<br /><br />- โครงสร้างคอร์ดดิมินิช ( Diminished Chord ) คือ 1 - 3b - 5b เช่น คอร์ด C Dimตัวโน้ตที่อยู่ในกลุ่มคอร์ด C Dim คือ C - Eb - Gb</p><p>- โครงสร้าง คอร์ดอ๊อกเมนเต็ด ( Augmented Chord ) คือ 1 - 3 - 5# เช่น คอร์ดCaug ตัวโน้ตที่อยู่ในกลุ่มคอร์ด คือ C - E - G#และเมื่อเราต้องการหาตัวโน้ตในกลุ่มคอร์ดใด ๆ เราก็สามารถใช้หลักโครงสร้างคอร์ดเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอร์ดดอนมิแนนท์ 7 ( Dominant 7 th Chord ) หรือคอร์ดอื่น ๆ ฯลฯ ก็ใช้หลักการเดียวกัน</p>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-54843452104718949972008-08-30T04:59:00.001-07:002008-08-30T05:01:14.863-07:00สไตล์รูปแบบต่าง ๆ ของการเล่นกีตาร์ 1. แนวคลาสสิก ถือเป็นแนวที่เก่าแก่ที่สุดของกีตาร์มัเล่นในหมู่ชนชั้นสูง(หมายถึงสมัยก่อน)มีรูปแบบการเล่นที่สวยงาม ท่วงทำนองไพเราะมากสามารถเล่นได้ทั้งริทึ่ม การเล่นโซโล การเล่นประสานได้ในตัวเดียว เพลงคลาสสิกจะถูกแต่งขึ้นอย่างปราณีต ดังนั้นจึงค่อนข้างจะยากสำหรับผู้ที่คิดจะหัดเอง เนื่องจากต้องสามารถอ่านและเข้าใจโน็ตดนตรีเป็นอย่างดี รวมถึงการอ่านจังหวะและสัญลักษณ์ทางดนตรีต่าง ๆ และที่สำคัญราคาในการเรียนค่อนข้างสูง ทำให้คนทั่ว ๆ ไปอาจไม่สามารถจะไปเรียนได้<br /><br /> ยังมีอีกสไตล์ที่ผมขอกล่าวรวมอยู่ในสไตล์คลาสสิก คือ สไตล์ฟลาเมนโก้เพราะค่อนข้างใกล้เคียงกันต่างกันที่สไตล์การเล่น ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมที่มีกำเนิดจากในสเปนจะมีรูปแบบการเล่นสำเนียงเฉพาะตัวเช่นการดีดแบบ rasgueado (จะอธิบายในส่วนของการเล่นเทคนิคอีกที) ซึ่งค่อนข้างโดดเด่นมากสำหรับฟลาเมนโก้สไตล์ ซึ่งสไตล์นี้มีจังหวะค่อนข้างจะสนุกสนาน และใช้ประกอบกับการเต้นรำอย่างที่เราเคยเห็นใน TV เกี่ยวกับสเปน ตัวอย่างเช่น paco de lucia เป็นต้น<br /><br /> 2. แนวโฟล์ค คันทรี เกิดจากการเผยแพร่การเล่นกีตาร์ไปสู่คนผิวดำที่เป็นทาส และพัฒนารูปแบบไปเรื่อย ๆ ในหมู่ชาวบ้านสามัญชนทั่วไป ซึ่งมักจะเป็นกสิกร หรือ ทำฟาร์ม และเล่นในยามพักผ่อนจากการทำงานเพลงจึงมีลักษณะที่เรียบง่ายสบาย ๆ จังหวะสนุกสนานเล่าถึงวิถีชีวิตชาวบ้านอาจจะแบ่งได้เป็น<br /><br /> - บลูกล๊าสสไตล์ เป็นดนตรีพื้นบ้านมักมีการเล่นร่วมกับ แบนโจ ไวโอลิน ใช้กีตาร์ตัวนึงเป็นริทึ่ม อีกตัวใช้โซโล จังหวะสนุกสนาน เป็นเพลงบรรเลง หรือมีคนร้องด้วย<br /><br /> - ฟิงเกอร์สไตล์ คือการเกาหรือเล่นกีตาร์ด้วยนิ้วนั่นเองอาจจะเล่นตัวเดียวหรือ 2 ตัวประสานกัน มีความละเอียดในการเล่นมากพอสมควรเล่นค่อนข้างยาก ต่างกับบลูกล๊าสที่มักใช้ปิคมากกว่าเช่น chet atkins ,doc watson เป็นต้น<br /><br /> - โฟล์คสไตล์ เป็นดนตรีพื้นบ้านที่มีการเล่นที่อาจจะเป็นการเกากีตาร์ การใช้ปิคดีด การเล่นประสานกันตั้งแต่ 2ตัวขึ้นไป มีการร้องประสานเสียงกันส่วนมากจะกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันทั่วไป เช่น peter paul & maryUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-21705645928110944752008-08-30T03:40:00.001-07:002008-08-30T03:46:09.564-07:00ความรู้พื้นฐานในเรื่องระดับเสียง ( Elements of Pitch )คำว่าระดับเสียงนั้น(picth) หมายถึง การแสดงหรือกล่าวอ้างถึงความสูงและต่ำของเสียง ซึ่งได้มีการจัดระบบระเบียบของเสียงมาแล้วละครับ <br /><br />ตั้งแต่สมัยโบราณกาล นับตั้งแต่สมัยกรีกโน่นเลย โดยมีนักปราชญ์ชาวกรีกนี่ละ ชื่อ พิธากอรัส เป็นคนคิดค้นและพัฒนาระบบการแบ่งเสียงโดยอาศับเครื่องโมโนคอร์ด ( monochord )<br />และได้สังเกตุ ฮาร์โมนิค ต่างๆที่เกิดขึ้น <br /><br />เขายังได้ค้นพบว่า การที่เราดีดสายที่ขึงจนตึงนั้น เสียงที่เกิดขึ้นจะมีระบบที่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการขึงสายในระดับใดก็ตาม ตรงนี้แหละ <br /><br /><br />ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในเรื่องของระดับเสียง บันไดเสียง การประสานเสียง ในยุคต่อๆมาครับ<br /><br />********************************************************************************<br /><br /><br />ระดับเสียง มีการใช้ชื่อเรียกกันอย่างชัดเจน โดยใช้ระบบเป็นตัวอักษรอังกฤษ ( Alphabet ) ซึ่งประกอบไปด้วย<br /><br />A B C D E F G ( ลา ที โด เร มี ฟา ซอล )<br /><br />ถ้าเพื่อนมองลงไปบนลิ่ม piano จะมองออกอย่างชัดเจนเลยครับ โดยให้เราสังเกตุที่ตัว C ( โด ) ถ้านับตัวโน๊ตสูงขึ้นไปจากนี้จนถึงตัวโดอีกตำแหน่งนึง เราจะเรียกว่า ระยะ 1 ช่วงคู่แปด ( Octave ) <br /><br />และที่สำคัญคือ ระยะห่างของแต่ละตัวโน๊ตนั้น มันจะไม่เท่ากันทุกตัวนะครับ ยกตัวอย่าง บันไดเสียง C Major คือมีตัวโน๊ตเรียงกันดังนี้ C-D-E-F-G-A-B-C<br /><br />ให้เราดูที่ตำแหน่ง E-F และตรง B-C ตรงนี้จะมีระยะห่างของเสียงแค่ครึ่งเสียงนะครับ นอกนั้นจะห่าง 1 เสียงเต็มเท่ากันหมดUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-10833650605847938032008-08-30T03:40:00.000-07:002008-08-30T03:44:13.926-07:00คู่มือเล่นกีต้าร์ ( สำหรับมือใหม่ )มีประโยชน์มากกับผู้เริ่มต้นที่จะเล่น guitar<br /><br />มีภาพประกอบและคำอธิบายที่ค่อนข้างจะละเอียดมาก<br /><br />ผมเองไม่รู้ที่มาของไฟล์ แต่เห็นว่ามีประโยชน์กับผู้เริ่มต้น<br /><br />จึงขอนำมาเผยแพร่ครับ<br /><br /><a href="http://www.guitarhero-x.com:7777/pdf/basic.rar">คลิ้กที่นี่เพื่อดาวน์โหลด คู่มือเล่นกีต้าร์</a>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-51728282219961387692008-08-30T03:35:00.000-07:002008-08-30T03:37:10.371-07:00บทความสำหรับผู้เริ่มต้นขั้นตอนการฝึกฝน<br /><br />1. อย่างแรกเลยก็ต้องมี Guitar ก่อนนะครับ ถ้าเป็นมือใหม่ทุนน้อย เราก็หาที่มันราคาไม่ต้องแพงมากนัก<br /><br />(เผื่อเปลี่ยนใจแบบว่าไม่อยากเล่นแล้ว ฮ่าๆ ) หาซื้อได้ทั่วไปอยู่แล้ว<br /><br />อาจจะเป็นโปร่งหรือไฟฟ้าก็ได้นะครับแล้วแต่กำลังเงินและความชอบ ถ้าเป็นกีต้าร์โปร่งก็ไม่ต้องมีอะไรเพิ่ม<br /><br />แต่ถ้าเป็นไฟฟ้า คุณก็ต้องมีแอมป์ขยายเสียงอีก ถ้าอยากฝึก solo แน่นอน มันก็ต้องมี เอฟเฟค อีก ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายราคาแตกต่างกันออกไปครับ<br /><br />สำหรับในรูปที่เห็นเป็นอุปกรณ์ของผมเองครับ ที่ใช้ทำมาหากินอยู่ทุกวันนี้อะ อิอิ<br /><br />2. ต้องมีใจรักที่จะเล่นด้วยนะครับ หมายถึงอยากเล่นจริงๆนะ ก็ตั้งเป้าหมายเอาเองละกันครับ ว่าจะเอาขนาดไหน<br /><br />อยากเก่งระดับโลกหรือเอาแค่นั่งเล่นวงเหล้ากับเพื่อนๆ ( ฮา ) ถ้าตั้งเป้าหมายไว้สูงก็ต้องฝึกแบบจริงจัง อย่าคิดว่ามันง่ายนะครับขอบอก<br /><br /><br />3. ในตอนแรกก็ต้องฝึกการตั้งสายกันก่อน จากสาย 6 ลงมาจนถึงสาย 1 ( สายใหญ่สุดคือสาย 6 นะ จากบนลงล่างนะ )<br /><br />อาจจะตั้งโดยเราต้องมีเครื่องตั้งสายกันก่อน หาซื้อตามห้างก็ได้ มีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาทจนถึงเป็นพัน ( ที่หน้าแรกของเว็ปเราก็มีนะ อิอิ เครื่องตั้งสายออนไลน์ )<br /><br />วิธีการใช้งานก็แสนจะง่าย ผมไม่แนะนำให้ตั้งแบบเดาเอาเองนะครับ เพราะถ้าคุณฝึกแบบสายเพี้ยนหรือเสียงไม่ตรงตามแบบสากล การฝึกของคุณก็จะเพี้ยนไปด้วยนะครับ ขอบอก<br /><br />4. แล้วก็มาถึงการฝึกจับคอร์ดนะครับ เริ่มต้นจากการจับแบบง่ายๆนะ เช่น C ' Am ' โดยอาจจะใช้วิธีการถามจากคนที่เป็นอยู่แล้วบ้าง หรือหาหนังสือมาอ่านก่อนเป็นพื้นฐาน<br /><br />ซึ่งถ้าจะให้เอาทั้งหมดมาลงในเว็บนี้คงไม่ไหวอะครับ ( ฮา ) แต่ผมว่าหาไม่ยากเลยครับ ไปร้านหนังสือทั่วไปอะครับ แล้วก็มองหาพวกหนังสือเพลงต่างๆ<br /><br />ซึ่งสมัยนี้หนังสือเพลงเหล่านี้จะมี chord diagrams ลงไว้ให้เราดูกันเกือบทุกเล่ม ( ถ้าเล่มไหนไม่มี ก็ไม่ต้องซื้อมา เปิดดูก่อนละ )<br /><br />เอามาเปิดอ่าน เลือกดูเพลงที่เราจะเล่น เอาเพลงที่เราชอบนั่นละ จะได้มีแรงกระตุ้น อิอิ อาจจะเปิดเพลงที่เราฝึกประกอบไปด้วย ( ขอแนะนำเพลงช้าๆนะครับ )<br /><br />พยายามจับจังหวะของเพลงนั้นให้ได้โดยการเคาะเท้าตามจังหวะเพลง<br /><br />ส่วนมากแล้วเพลงไทยเรามักจะเป็นแบบ 4/4 คือใน 1 ห้องเพลงจะมี 4 จังหวะ ก็คือเราจะเคาะเท้า 4 ครั้งครับ ( หนังสือที่สอนเบสิคเหล่านี้มีขายเยอะแยะครับ หามาอ่านซะ เขาจะมีเพลงตัวอย่างให้ด้วย]<br /><br />5. พอฝึกจับคอร์ดและเล่นให้ลงจังหวะได้แล้ว เล่นบ่อยๆ ถ้าจะให้ดี ร้องไปด้วยนะ การร้องเพลงไปด้วยในขณะที่เราเล่นจะเป็นการฝึกการฟังของคุณไปด้วยในตัวครับ<br /><br />6. ในขั้นนี้มาถึงแบบที่จะต้องจริงจังกันแล้วครับ ( สำหรับคนที่ฝึกแบบจริงจัง ) คือการเรียนรู้ บันไดเสียง และการฝึกนิ้ว ซึ่งหาบทความและแบบฝึกหัดได้ในเว็บนี่ครับ ทำความรู้จักกับบันไดเสียงแบบเบื้องต้น คลิ้กที่นี่เลย !!!!<br /><br />7. ต้องเปิดใจให้กว้างนะครับรับฟังเพลงหลายๆแนว อย่าไปรังเกียจเพลงลูกทุ่งหมอลำ ( แบบว่าอิเดียด ) ทุกๆแนวเพลงมีดีครับ<br /><br />อย่างตัวผมเองเล่นหมดอะครับ หมอลำ ลูกทุ่ง เพื่อชีวิต ร้อค เฮฟวี่ ( แนวได้เงินอะครับ เล่นหมด ฮ่าๆๆ )<br /><br />8. พอคุณฝึกฝนได้แล้วในระดับนึง หรือแม้กระทั่งว่าเล่นอาชีพแล้วก็ตาม จำเอาไว้ว่าอย่าดูถูกคนที่อ่อนด้อยกว่าหรือฝีมือด้อยกว่าเรานะครับUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-5338795169523525472008-08-30T00:45:00.000-07:002008-08-30T00:48:07.553-07:00แบบเรียน >> ขั้นที่ 5สิ่งที่คุณจะได้ : เสียใจด้วยครับ คุณจะไม่ได้อะไรจากขั้นนี้เลย...<br /><br />ฝึกเข้าไปครับ เอาให้คร่องเลย ถ้าคร่องแล้ว ผมก็ขอยินดีด้วยครับ คุณสามารถยืดอกไปคุยกับเพื่อนๆ ได้แล้วว่า คุณเล่นกีต้าร์เป็นแล้ว!! ตอนนี้ลองไปดูการเกากีต้าร์ และการตบกีต้าร์ได้แล้วครับ<br /><br /><br /><< <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/1_76.html">ขั้นที่ 1</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/2.html">ขั้นที่ 2</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/3.html">ขั้นที่ 3</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/4.html">ขั้นที่ 4</a> | ขั้นที่ 5 >>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-76767239922060163702008-08-30T00:41:00.000-07:002008-08-30T01:04:23.409-07:00แบบเรียน >> ขั้นที่ 4<strong>สิ่งที่คุณจะได้</strong> : สามารถเล่นเพลงด้วยจังหวะที่หลากหลายได้<br /><br />ตอนนี้คุณเริ่มเบื่อกับจังหวะในการเล่นแบบเก่าๆ แล้วใช่มั้ยครับ? แต่เดี๋ยวก่อน! วันนี้ผมมีจังหวะใหม่ๆ มานำเสนอครับ<br />ให้ไปดูที่จังหวะในการเล่น ลองฝึกให้ได้ทุกแบบเลยน่ะครับ<br /><br /><br /><<<a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/1_76.html"> ขั้นที่ 1</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/2.html">ขั้นที่ 2</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/3.html">ขั้นที่ 3</a> | ขั้นที่ 4 | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/5.html">ขั้นที่ 5</a> >>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-13234491914397723642008-08-30T00:39:00.000-07:002008-08-30T00:58:33.361-07:00แบบเรียน >> ขั้นที่ 3<strong>สิ่งที่คุณจะได้</strong> : สามารถเล่นเพลงจากหนังสือเพลงโดยให้จังหวะง่ายๆ
<br />
<br />ในขั้นนี้ ให้คุณหาคอร์ดใหม่ๆ แล้วลองฝึกจับดู อาจจะไปลองหาหนังสือเหลง (หรือดูตามเว็บที่ให้บริการเนื้อเพลงพร้อมคอร์ด) แล้วหาเหลงที่ชอบและทีคอร์ดน้อยๆ มาเล่นดู เจอคอร์ดใหนไม่รู้ว่าจับยังไงก็ลองดูในตารางคอร์ดได้ครับ ถ้าคอร์ดนั้นเป็นคอร์ดประเภทเสริม เช่น พวก _7 หรือ _sus_ ก็ให้จับแบบธรรมดาหรือต้นแบบไปก่อนก็ได้ครับ
<br />
<br />เพลงที่พบนั้นส่วนใหญ่จะมีแบบเต็มห้องและแบบครึ่งห้อง ถ้าเจอแบบเต็มห้องก็ให้ดีดลง 4 ครั้ง ถ้าครึ่งห้องก็ดีดลง 2 ครั้ง แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ามันเต็มหรือไม่เต็มละ? คำตอบก็คือคุณต้องร้องเพลงนั้นเป็น หรือรู้จังหวะครับ เช่นถ้าดีดไป 4 ครั้งแล้วเจอคอร์ดใหม่ แบบนี้เป็นแบบเต็มห้อง แต่ถ้าดีดไป 2 ครั้ง แบบนี้ครึ่งห้องครับ
<br />
<br /><< <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/1_76.html"><a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/1_76.html">ขั้นที่ 1</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/2.html">ขั้นที่ 2</a> | ขั้นที่ 3 | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/4.html">ขั้นที่ 4</a> |<a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/5.html"> ขั้นที่ 5</a> >>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-57201589916601426182008-08-30T00:34:00.000-07:002008-08-30T00:55:41.772-07:00แบบเรียน >> ขั้นที่ 2สิ่งที่ควรจะได้ : สามารถเล่นคอร์ดทั้ง 4 คือ C Am Dm G ให้เป็นจังหวะแบบง่ายๆ ได้
<br />
<br />ตอนนี้คุณมีคอร์ด C Am Dm G อยู่ในมือแล้ว แต่คุณยังไม่มีจังหวะในการดีดใช่มั้ยครับ ดังนั้นผมจะให้จังหวะง่ายๆ กับคุณไป จังหวะนี้ก็คือให้คุณดีดลงอย่างเดียว โดย 1 คอร์ดให้คุณดีดลง 4 ครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนคอร์ดแล้วดีดลงอีก 4 ครั้ง ไปเรื่อยๆ โดยตอนแรกให้เล่นเรียงตามคอร์ดที่ให้ไปคือ C Am Dm G ถ้าเริ่มชำนาญแล้วก็ลองสลับลำดับดู ฝึกให้คร่องเลยน่ะครับ
<br />
<br /><a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/course_2.WMA">ดาว์นโหลด</a>ตัวอย่างการเล่น C / Am / Dm G /
<br />
<br />หมายเหตุ : C, Am คือการเล่นแบบเต็มคอร์ด จะดีด 4 ครั้ง ส่วน Dm, G คือการเล่นแบบครึ่งคอร์ด จะดีด 2 ครั้ง
<br />
<br />
<br /><< <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/1_76.html"><a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/1_76.html">ขั้นที่ 1</a> | ขั้นที่ 2 | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/3.html">ขั้นที่ 3</a> |<a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/4.html"> ขั้นที่ 4</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/5.html">ขั้นที่ 5</a> >>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-82707148737861813852008-08-30T00:25:00.003-07:002008-08-30T00:51:52.438-07:00แบบเรียน >> ขั้นที่ 1<strong>สิ่งที่คุณจะได้</strong>: สามารถจับคอร์ด C Am Dm G โดยไม่บอด หรือบอดน้อยที่สุด<br /><br />ในขั้นแรกนี้ ให้คุณฝึกจับคอร์ด โดยคอร์ดที่แนะนำให้จับก็คือคอร์ด C Am Dm G จับแล้วลองดีดสายทีละเล้นจากบนลงล่างดูว่าเสียงบอดหรือไม่ (เสียงบอดคืออาการดีดแล้วไม่มีเสียง หรือมีเสียง "แป็กๆๆ") ถ้าเส้นใหนบอดก็พยายามกดเส้นนั้นอย่าให้บอด ซึ่งตอนแรกๆ คุณจะรู้สึกเจ็บนิ้วมาก ไม่ต้องหักโหมนะครับ เจ็บก็พัก หายก็ฝึกต่อ อาการเจ็บนิ้วจะหายไปเองหลังจากผ่านไปไม่เกิน 1 อาทิตย์ (ถ้าเล่นทุกวันน่ะ และก็อย่าพึ่งท้อจนเลิกเล่นซะก่อนละ) ส่วนคอร์ดทั้ง 4 จับแบบนี้ครับ<br /><br /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFcSb18mCnzWjcd97JkBhpjebLwVI2MYmaa9gz57gU3e7hJ6hOdkV0j0Fr9dZhOl7qqgVBiSozSH_eFITvMHhSFv98jR0DqPDqKCPuRMAhlwqJ1LQtBzwmIixy-v2kTFHJ6YPjN12INTg/s400/C_1.GIF" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240210061007393170" /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYvooXb0ZtlKAbzfnaGnYLgqoh74Rl0UH7VgAlNtJ49FIQeiNAqmYdlr3Fqw_xPjXHjZ0H9thR8o1qFuPntXaV_vnNDF9AhKR-N_QTWQy0BKqhr9Ll0oxeD8OJ8u8c7wXw499ZZI8lAm0/s400/Am.gif" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240210063665861634" /><br /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhr2K64wfnOYq_JWNjJbIyd_JSCZYpnDZDC8bSDChgrB3LKD5nHyw7O26CcLn38H2VajLhDqJyq9FERmfFY0Ff66QDYbmH2gMxpb4FlCtb_bf2PljzlI97S4W5F8f2UZKXCZE1Bby6R94E/s400/Dm.gif" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240210066322950834" /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgvyjYV56foAyXvGthptYST9O5MwgfzLp-J9y5_IZmCAmje1eb6IpcmJwxidrhZdmKSwVPk_lciLrhcJ4cmnI-oVz2JyQOUbedxsEgwDfVZsaLdwoEPK7J-kfTZO0qiWneVVoV9TM94Aac/s400/G_1.GIF" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240210065346309330" /><br />ถ้าคิดว่าคุณจับได้คร่องแล้วละก็ ไปขั้นที่ 2 ต่อกันเลยครับ<br /><br /><br /><< ขั้นที่ 1 | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/2.html">ขั้นที่ 2</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/3.html">ขั้นที่ 3</a> | <a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/4.html">ขั้นที่ 4</a> |<a href="http://guitarxclass.blogspot.com/2008/08/5.html"> ขั้นที่ 5</a> >>Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-49350154239432213502008-08-30T00:19:00.001-07:002008-08-30T00:19:45.976-07:00การจับคอร์ดการจับคอร์ดถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นกีต้าร์เลยก็ว่าได้ ในโลกนี้มีคอร์ดอยู่มากมายมหาสาร<br />มีผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่าคอร์ดนั้นมีอยู่เป็นร้อยเป็นพันธ์เลยทีเดียว (โห้... ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ) ใครคิดวิธีจับแบบใหนได้ก็อาจจะเรียกเป็นคอร์ดใหม่เลยก็ได้ แต่อย่าพึ่งตกใจไปน่ะครับ คอร์ดหลักๆ นั้นมีอยู่แค่ 7 คอร์ดเท่านั้นเอง คือ A B C D E F และ G ส่วนที่เหลือนั้นก็จะเป็นพวกน้ำจิ๋มน้ำปลาทั้งนั้น<br /><br />ในที่นี้ผมจะสอนวิธีการจับคอร์ดง่ายๆ และวิธีการดูคอร์ดจากรูปภาพ ซึ่งถ้าคุณรู้วิธีหล่าวนี้แล้ว คุณก็จะสามารถนำไปประยุคในการจับคอร์ดอื่นๆ ได้ เอาหละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ<br /><br /><br /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgd4onw4A9r_9_VsK_HIWH8kLZcsAvUl73SRgRoKGdvkYPrpZKQ9K9T2IU9sbW6ghr5vDG_Rl_KwhIyD10TfNZbeYP69V45MrcO1ZfCuqug8RyvDk-zhe45eX0uXuCWblnIQi0QPBn9r7Y/s400/bar.gif" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240204982681582034" /><br />จากรูป เป็นคอกีต้าร์ในลักษณะหันหน้าเข้าหาตัว เส้นในแนวตั้งก็คือสายกีต้านั้นเอง โดยเลข 1 ที่กำกับอยู่ข้างบนก็คือสายที่ 1 หรือสายที่เล็กที่สุด ส่วนเลขหกก็คือสายที่ใหญ่ที่สุด<br /><br />เส้นในแนวนอนก็คือเส้นขั้นระหว่างเฟร็ต โดยเฟร็ตบนสุดก็คือเฟร็ตที่ 1 และถัดลงมาก็คือเฟร็ตที่ 2, 3, 4 .... ไปเรื่อยๆ<br /><br />ส่วนรูปด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างของการจับคอร์ด C ซึ่งตัวเลขในลูกกลมๆ สีแดงก็คือนิ้วมือซ้ายนั้นเอง โดยรายละเอียดมีดังนี้<br /><br /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiWFdZVneTw6wYypQQKDb50iQX8UXXyswMfWjFcQ9MlvV1l9qXIcWmQqn965RFwSuP-9HfXmCcS_Y0DRqRncZXqHtMLuNEjRpwAQjTlZ9uGqPmhlHek9Lovm91pd-_fZmsCwmehzZ_YZt0/s400/C.gif" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240204979324071058" /><img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJRr4EhufmNv3BjCDcWrqLsvQpKSMb_xjNeonC2I6-7mOqpj1COS4oAUwg3QORbJtbmG82Z_Fx3W8bNNA4nGZnQvN8KSbVN2ngLlBCjqF6OTJbVhP_wjhZwIN-b4ti3rlBi96PbVf5MGk/s400/G.gif" border="0" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5240204978834944818" /><br /><br />1 = นิ้วชี้ 2 = นิ้วกลาง 3 = นิ้วนาง 4 = นิ้วก้อย<br /><br />ตัวเลขต่างๆ หล่าวนี้ที่จริงแล้วในตารางคอร์ดทั่วๆ ไปจะไม่มีกำกับไว้ ถ้าไม่มีแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจับคอร์ดได้ถูกต้องหรือผิด? คำตอบก็คือไม่มีใครถูกใครผิดหรอกครับ เพราะการจับนั้นไม่ตายตัว ใครถนัดแบบใหนก็จับแบบนั้น แต่บางทีการจับให้ถูกต้องนั้นก็สำคัญเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นการจับคอร์ด G จากรูปจะเห็นว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นิ้วก้อย (เลข 4) ในการจับเลย เพราะนิ้วชิ้วเรายังว่างอยู่นิ หลายคนโดยเฉพาะมือใหม่ๆ ก็เลยใช้นิ้วชี้กดแทนนิ้วกลาง ส่วนนิ้วกลางก็เอาไปกดที่นิ้วนาง และนิ้วนางที่นิ้วก้อย ทำให้เราไม่ต้องใช้นิ้วก้อยเลย (ผมก็เคยจับแบบนี้มาตั้งนาน) ซึ่งดูเหมือนจะง่ายกว่าแบบแรกเยอะ เพราะมือใหม่ส่วนใหญ่จะไม่สันทัดกับการใช้นิ้วก้อยซักเท่าไหร<br /><br />แต่ถ้าคุณเริ่มที่จะเล่นกีต้าร์เป็นแล้ว และคุณลองเล่นเพลงจากหนังสือเพลง คุณก็จะเจอกับคอร์ด Gsus4 ซึ่งจะต้องเปลี่ยนจากคอร์ด G ไปจับ Gsus4 (มันมักจะมาด้วยกัน) ซึ่งคุณจำเป็นมากที่จะต้องใช้นิ้วชี้ แต่นิ้วชี้คุณกลับใช้ไปแล้วซะนี่...<br /><br />สรุปเลยละกันน่ะครับว่า การจับคอร์ดนั้นไม่ตายตัวเสมอไป แต่การจับให้ถูกหรือเหมาะสมก็เป็นสิ่งที่ควรทำครับUnknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-79059111499633423032008-08-30T00:06:00.001-07:002008-08-30T00:07:08.864-07:00การดูแลรักษากีตาร์การดูแลรักษากีต้าร์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติ เพราะจะทำให้กีต้าร์ของเรามีเสียงที่ดีตลอดไป โดยวิธีการดูแลนั้นมีดังนี้<br /><br />1.) หมัดทำความสะอาดกีต้าร์บ่อยๆ โดยเฉพาะสาย เป็นไปได้ควรทำทุกครั้งที่เล่นเสร็จ เพราะขณะที่เราเล่น จะมีเหงื่อไครติดอยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ โดยเฉพาะสายกีต้าร์ที่มักจะขึ้นสนิม ส่วนวิธีการทำความสะอาดนั้น ควรใช้ผ้านุ้มๆ ไม่ต้องชุ้บน้ำเช็ด ถ้าเป็นไปได้ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดกีต้าโดยเฉพาะ<br /><br />2.) เก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ร้อนเกินไป ไม่ควรเก็บไว้ที่สูง และควรเก็บไว้ในกล่องหรือถุงสำหรับใส่กีต้าร์เพื่อป้องกันการกระแทกและรอยขีดข่วน<br /><br />3.) ถ้ารู้ว่าจะไม่ได้เล่นกีต้าร์นานๆ เช่นเป็นเดือน ควรผ่อนสายกีต้าร์ให้หย่อน เพื่อเป็นการถนอมสายและคอกีต้าร์ และลูกบิด<br /><br />เพียงเท่านี้กีต้าร์ของคุณก็จะมีเสียงที่ไพเราะไปอีกนานครับUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-42708044281205556832008-08-30T00:01:00.000-07:002008-08-30T00:03:49.076-07:00การเลือกซื้อกีตาร์การจะซื้อกีต้าร์สักตัวนั้น เราควรจะเลือกให้ได้ดีและคุ้มกับเงินที่เราจะเสียที่สุด ซึ่งก่อนอื่นคุณต้องตั้งงบประมาณซะก่อน เพราะกีต้าร์นั้นมีหลายราคามาก ตั้งแต่หลักร้อย ไปถึงเป็นหมื่นๆ เลย สำหรับผู้ที่พึ่งจะเริ่มฝึกกีต้าร์ ผมแนะนำให้ซื้อไม่ต้องแพงเกินไป เอาไว้เล่นเป็นก่อนเราค่อยซื้อดีๆ เลยก็ได้ครับ สำหรับวิธีเลือกซื้อนั้นมีดังนี้<br /><br />1.) ตรวจดูภายนอกของกีต้าร์ว่ามีรอยตำหนิหรือไม่ ชำรุดตรงใหนรึปล่าว โดยเฉพาะลูกบิด อย่าให้โยกหรือเป็นสนิม<br /><br />2.) สังเกตุคอกีต้าร์ว่าโค้งงอหรือไม่ โดยปกติแล้วคอกีต้าร์จะโค้งมาข้างหน้านิดหน่อย แต่ถ้าคุณดูแล้วว่าโค้งมากผิดปกติ ก็ควรเปลี่ยนอันเสีย<br /><br />3.) ลองส่องดูภายในของกีต้าร์จากช่องตรงไม้แผ่นหน้า ดูว่าข้างในเรียบร้อยหรือไม่ มีการชำรุดรึปล่าว และลองดูตรงคอด้วยว่ามีแท่งเหล็กค้ำเป็นแกนรึปล่าว เพราะแกนเหล็กนี้จะช่วยให้คอกีต้าร์ไม่บิดเบี้ยว<br /><br />4.) ทดลองกดสายที่แต่ละเฟร็ตดูว่ามีเสียงบอดรึปล่าว<br /><br />นี่เป็นเพียงการเลือกเบื้องต้นเท่านั้น ทางที่ดีคุณควรพาผู้ที่เล่นกีต้าร์เป็นไปช่วยเลือกจะดีกว่าครับ<br /><br />หมายเหตุ : กีต้าร์นั้นมีหลายประเภท กีต้าร์ที่พูดถึงนี้เป็นกีต้าร์โปร่งสายเหล็กUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-81471055658455731402008-08-29T23:57:00.000-07:002008-08-29T23:59:36.227-07:00จังหวะในการเล่น >> แบบตบการตบจะคล้ายๆ กับการเกา เพียงแต่ว่าจะมีการใช้อุ้งมือในการตบสายกีต้าร์ลงไป ลองดูตัวอย่างง่ายกันเลยน่ะครับ<br /><br />รูปแบบที่ 1<br /><br />6 ----------น----x----น--------น---x---น------<br />5 ----------ก----x----ก--------ก---x---ก------<br />4 ----------ช----x----ช--------ช---x---ช------<br />3 ----ป------------------------------------------ <---<br />2 ----ป------------------------------------------ <--- เส้นใดเส้นหนึ่ง<br />1 ----ป------------------------------------------ <---<br /><br /><a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex1_hit.WMA">ดาน์วโหลด</a>ตัวอย่างนี้ จากคอร์ด C / Am / Dm G / C<br /><br /><br />รูปแบบที่ 2<br /><br />6 ----น-----x----------น---x-----<br />5 ----ก-----x---ก-----ก---x-----<br />4 ----ช-----x---ช-----ช---x-----<br />3 ----ป--------------------------- <---<br />2 ----ป--------------------------- <--- เส้นใดเส้นหนึ่ง<br />1 ----ป--------------------------- <---<br /><br /><a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex2_hit.WMA">ดาน์วโหลด</a>ตัวอย่างนี้ จากคอร์ด C / Am / Dm G / C<br /><br />หมายเหตุ : เครื่องหมาย x คือตบกีต้าร์, เส้นใดเส้นหนึ่ง คือ เสียงเบสของแต่ละคอร์ดUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-58974641809262534842008-08-29T23:54:00.001-07:002008-08-29T23:57:29.248-07:00จังหวะในการเล่น >> แบบพื้นฐานจังหวะในการเล่นกีต้าร์นั้นไม่กำหนดตายตัวแน่นอน ยิ่งผู้ที่เล่นเก่งๆ แล้วละก็จะยิ่งมีจังหวะในการเล่นมากมายหลายหลาก แต่สำหรับมือใหม่ที่พึ่งจับกีต้าร์ การเล่นให้เป็นจังหวะนั้นถือว่ายากยิ่งกว่าการจับคอร์ดด้วยซ้ำ (อย่าพึ่งท้อนะครับ มันไม่ยากเกินความสามารถคุณแน่) ในที่นี้ผมจะแนะนำจังหวะในการเล่นแบบง่ายๆ ให้คุณพอมีพื้นฐาน<br /><br />การเล่นนั้นจะแบ่งเป็นห้องๆ ที่พบเห็นบ่อยๆ ก็มีการเล่นแบบเต็มห้องและครึ่งห้อง แรกๆ คุณอาจจะดีดลงอย่างเดียวก่อน โดย 1 ห้องจะดีดลง 4 ครั้ง แต่ถ้าคุณเล่นไปเรื่อยๆ และเริ่มจับคอร์ดชำนาญแล้ว ผมแนะนำให้คุณดีดแบบลงบ้าง ขึ้นบ้าง ซึ่งการดีดแบบนี้จะมีเทคนิคอยู่ที่มือขวาที่ใช้ดีดจะต้องขึ้นลงไม่หยุด บางทีก็โดนสาย บางทีก็ดีดหลอกๆ ไม่ให้โดน (สำคัญมาก ควรทำความเข้าใจให้ได้) ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้เป็นจังหวะนั้นเอง ลองดูตัวอย่างกันดีกว่าครับ<br /><br />ในที่นี้ผมจะใช้ "[ ]" ในการสื่อถึงห้อง ส่วน "|" จะใช้แบ่งครึ่งห้องเพื่อให้ง่ายต่อการดู และจะใช้ "ล" แทนลง "ข" แทนขึ้น ถ้าดีดให้โดนสายจะใช้สีแดง ดีดไม่โดนให้สีดำ เช่น [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ล ข ล ข ล ข ล ข ] แบบนี้คือ 1 ห้องที่ไม่มีการดีดโดนสายเลย เพียงแต่ทำมือขึ้นลงเท่านั้น<br /><br />ส่วนจังหวะที่กล่าวไว้ตอนแรกว่า 1 ห้องดีดลง 4 ครั้งนั้นสามารถดีดให้เป็นจังหวะได้แบบนี้ [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ล ข ล ข ล ข ล ข ]<br /><br />จังหวะในการเล่นแบบง่ายๆ<br />1 เต็มห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ล ข ล ข ล ข ล ข ]<br /> ครึ่งห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ]<br /> <a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex1_simple.WMA">ตัวอย่างการเล่นคอร์ด</a> C / Am / Dm G / C<br /> ----------------------------------------------------------------------------<br />2 เต็มห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ล ข ล ข ล ข ล ข ]<br /> ครึ่งห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ]<br /> <a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex2_simple.WMA">ตัวอย่างการเล่นคอร์ด</a> C / Am / Dm G / C<br /> ----------------------------------------------------------------------------<br />3 เต็มห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ล ข ล ข ล ข ล ข ]<br /> ครึ่งห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ]<br /> <a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex3_simple.WMA">ตัวอย่างการเล่นคอร์ด</a> C / Am / Dm G / C<br /> ----------------------------------------------------------------------------<br />4 เต็มห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ล ข ล ข ล ข ล ข ]<br /> ครึ่งห้อง [ ล ข ล ข ล ข ล ข | ]<br /> <a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex4_simple.WMA">ตัวอย่างการเล่นคอร์ด</a> C / Am / Dm G / CUnknownnoreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-40264375071627789752008-08-29T23:47:00.000-07:002008-08-29T23:50:28.964-07:00วิธีตั้งสายกีตาร์ันักกีต้าร์มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการตั้งสายกีต้าร์นั้นเป็นเรื่องที่ยาก ก็เลยอาศัยให้นักกีต้าร์มือเก่าคอยตั้งให้ แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงการตั้งสายนั้นง่ายมากเลย ขอแค่มีนิ้วกับความจำนิดหน่อยก็ตั้งได้แล้ว ผมจะบอกอะไรให้ครับ แค่คุณตั้งสายกีต้าร์เป็น คุณก็ดูเก่งขึ้น 20% แล้วครับ (โห้... จิงอ๊ะป่าว)<br /><br />ในการตั้งสายนั้น คุณสามารถตั้งได้หลายคีย์ แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคนครับ แต่มือใหม่ส่วนใหญ่มักจะชอบตั้งคีย์ตำๆ เพราะจะได้ไม่เจ็บนิ้วมาก ก็แล้วแต่ครับ ส่วนวิธีเทียบเสียงนั้น คุณอาจเทียบกับหลอดเทียบเสียง ซึ่งมีขายตามร้านขายเครื่องดนตรีทั่วไป แต่ถ้าสายกีต้าร์คุณราคาถูก ก็ไม่ควรตั้งให้ตึงมาก เพราะสายอาจขาดได้ครับ<br /><br />เรามาดูวิธีตั้งสายกันเลยครับ<br /><br />1.) บิดลุกบิดของสายที่ 6 (เส้นใหญ่สุด) ให้ได้คีย์ตามที่คุณต้องการ (ถ้าอยากได้เสียงสูง ก็บิดให้ตึงหน่อย อยากได้เสียงต่ำ ก็ให้หย่อนหน่อย) สำหรับคีย์ตามมาตรฐานของสาย 6 คือคีย์ E ครับ<br /><br />2.) ใช้นิ้วกดเฟร็ตที่ 5 (เฟร็ต = ช่อง) ของสายที่ 6 แล้วดีดสายที่ 5 กับ 6 ให้ได้เสียงเดียวกัน ซึ่งก็คือคีย์ A<br /><br />3.) ใช้นิ้วกดเฟร็ตที่ 5 (เฟร็ต = ช่อง) ของสายที่ 5 แล้วดีดสายที่ 4 กับ 5 ให้ได้เสียงเดียวกัน ซึ่งก็คือคีย์ D<br /><br />4.) ใช้นิ้วกดเฟร็ตที่ 5 (เฟร็ต = ช่อง) ของสายที่ 4 แล้วดีดสายที่ 3 กับ 4 ให้ได้เสียงเดียวกัน ซึ่งก็คือคีย์ G<br /><br />5.) ใช้นิ้วกดเฟร็ตที่ 4 (เฟร็ต = ช่อง) ของสายที่ 3 แล้วดีดสายที่ 2 กับ 3 ให้ได้เสียงเดียวกัน ซึ่งก็คือคีย์ B<br /><br />6.) ใช้นิ้วกดเฟร็ตที่ 5 (เฟร็ต = ช่อง) ของสายที่ 2 แล้วดีดสายที่ 1 กับ 2 ให้ได้เสียงเดียวกัน ซึ่งก็คือคีย์ E<br /><br />สามารถ<a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/set.WMA">ดาว์นโหลด</a>ตัวอย่างเสียงกีต้าร์ได้ที่นี้ (คิดว่าตรงตามมาตรฐาน) ซึ่งเป็นการดีดสายที่ 6 5 4 3 2 1Unknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-50289057712582258082008-08-29T23:37:00.000-07:002008-08-29T23:44:22.340-07:00จังหวะในการเล่น >> แบบเกาการเกากีต้าร์ถือเป็นการเล่นกีต้าร์ที่ไม่ยาก บากคนเกาเป็นก่อนจะดีดเป็นก็มี การเกานั้นจะทำให้ได้เสียงที่ไพเราะกว่าแบบดีดธรรมดา เหมาะกับการเล่นเพลงช้า<br /><br />ในที่นี้ผมจะแนะนำการเกาแบบง่ายๆ เนื่องจากการเกานั้นสามารถทำได้หลายแบบ ซึ่งคุณจะสามารถนำไปประยุกข์เองได้ครับ<br /><br />ผมจะใช้รูปในการสื่อถึงการเกาดังนี้<br /><br />1 ----------------------------------------------<br />2 ----------------------------------------------<br />3 ----------------------------------------------<br />4 ----------------------------------------------<br />5 ----------------------------------------------<br />6 ----------------------------------------------<br /><br />หมายเหตุ : ตัวเลขด้านซ้ายคือเลขกำกับสาย โดย 1 = สายที่ 1 (สายเล็กสุด), 6 = สายที่ 6 (สายใหญ่สุด)<br /><br />ในการเกา เราจะใช้นิ้วชี้ดีดเส้นที่ 3 นิ้วกลางดีดเส้นที่ 2 นิ้วนางดีดเส้นที่ 1 ดังนั้นเอาจะเอานิ้วทั้ง 3 ไว้เหนือสายหล่าวนี้ ส่วนนิ้วโป่งจะให้ดีดเสียงเบสของแต่ละคอร์ด ซึ่งก็คือสายที่ 4 หรือ 5 หรือ 6 โดยเสียงเบสของแต่ละคอร์ดมีดังนี้<br /><br />A = เส้นที่ 5, B = เส้นที่ 5, C = เส้นที่ 5, D = เส้นที่ 3, <br />E = เส้นที่ 6, F = เส้นที่ 6, G = เส้นที่ 6<br /><br />หมายเหตุ : เสียงเบสหล่าวนี้ยังใช้กับคอร์ดใน key เดียวกันด้วย เช่น _m, _7, _sus<br />นอกจากนี้ยังมีเบสสลับอีก แต่จะไม่ขอกล่าวในที่นี้<br /><br />ลองมารูปแบบของการเกาที่นิยมใช้กันบ่อยครับ<br /><br />1 -------------------------น--------------------<br />2 --------------ก--------------------ก---------<br />3 ---------ช--------ช----------ช--------ช----<br />4 ---ป------------------------------------------ <---<br />5 ---ป------------------------------------------ <--- เส้นใดเส้นหนึ่ง<br />6 ---ป------------------------------------------ <---<br /><br /><a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex1_pick.WMA">ดาว์นโหลด</a>ตัวอย่างนี้ จากการเกาคอร์ด C / Am / Dm G / C<br /><br /><br />ลองดูตัวอย่างการในอีกรูปแบบกันบ้างครับ<br /><br />1 ---------------------------น---------------------<br />2 ----------------ก----------------ก---------ก----<br />3 ----------ช---------ช----------------ช---------<br />4 ----ป--------------------------------------------<br />5 ----ป--------------------------------------------<br />6 ----ป--------------------------------------------<br /><br /><a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex2_pick.WMA">ดาว์นโหลด</a>ตัวอย่างนี้ จากการเกาคอร์ด C / Am / Dm G / C<br /><br />นอกจากจะเล่นเสียงเบสเส้นเดียวแล้ว ยังสามารถเล่นเบสพร้อมกับดีดสายอื่นด้วย ดังตัวอย่างนี้<br /><br />1 ----น----------------------น----------------------<br />2 ----ก-----------ก---------------------ก----------<br />3 ----ช------ช---------ช----------ช---------ช------<br />4 ----ป---------------------------------------------- <---<br />5 ----ป---------------------------------------------- <--- เส้นใดเส้นหนึ่ง<br />6 ----ป---------------------------------------------- <---<br /><br /><a href="http://www.combohost.net/easyguitar/sound_ex/ex3_pick.WMA">ดาว์นโหลด</a>ตัวอย่างนี้ จากการเกาคอร์ด C / Am / Dm G / CUnknownnoreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-5299867787509656891.post-32045447883873130022008-08-29T23:35:00.000-07:002008-08-29T23:47:11.298-07:00การอ่าน TabTab กีตาร์ ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับผู้ที่อ่าน Note เพลงไม่เป็น<br />เมื่อเป็นเช่นนี้ การอ่าน Tab ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก (ก็เค้าให้คนที่อ่านโน๊ตไม่เป็นนี่ เกิดยากอีกแล้วจะอ่านอะไรละทีนี้...)<br /><br />ลองมาดูวิธีการอ่าน Tab แบบเบื้องต้นกันก่อนน่ะครับ (แบบ ชิว ชิว) <br /><br />รูปข้างล่างนี้แทนสายกีตาร์ ซึ่งเลข 1 ก็คือสายเส้นเล็กสุด ส่วนเลข 6 ก็เป็นสายเส้นใหญ่สุดตามลำดับ<br /><br />1 ----------------------------------------------<br />2 ----------------------------------------------<br />3 ----------------------------------------------<br />4 ----------------------------------------------<br />5 ----------------------------------------------<br />6 ----------------------------------------------<br /><br />สิ่งที่คุณจะพบอีกอย่างในการอ่าน Tab ก็คือตัวเลขมากมายที่ปรากฏอยู่บนสายแต่ละเส้น ซึ่งตัวเลขแต่ละตัวจะแทนการใช้นิ้วมือซ้ายกดสายกีตาร์ที่ช่องนั้นๆ บนคอกี่ตาร์ เช่น<br /><br />0 = ไม่มีการกด, 1 = กดช่องที่ 1, 2 = กดช่องที่ 2<br /><br />เป็นต้น ลองดูตัวอย่างที่ 1 กันเลยครับ<br /><br /><br />ตัวอย่างที่ 1<br /><br />1 ---------------------------------------------<br />2 -------------------------------0---1--------<br />3 ----------------------0---2-----------------<br />4 --------0---2---3--------------------------<br />5 ---3----------------------------------------<br />6 ---------------------------------------------<br /><br /><br />ตัวอย่างนี้ก็ง่ายๆ ครับ ใช้นิ้วมือซ้ายกดตามช่อง (ตัวเลข) ที่ระบุไว้ที่ละเส้น แล้วก็ใช้นิ้วมือขวา หรือปิ๊ก ในการดีดสายกีตาร์ตามเส้นที่เรากด ซึ่งเสียงที่ได้ออกมาก็จะเป็น "โด เร มี ฟา ..." นั่นแหละครับ<br /><br />มักจะมีคำถามว่า เราจะรู้ได้ไงว่าจะต้องใช้นิ้วมือซ้ายนิ้วใหนในการกดสายกีตาร์ คำตอบก็คือ ไม่มีการกำหนดแน่ชัดครับว่าต้องเป็นนิ้วใหน ตรงนี้จะแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนครับ ถ้าฝึกบ่อยๆ ก็จะรู้เองครับว่าควรจะใช้นิ้วใหนในการกด<br /><br /><br />ตัวอย่างที่ 2<br /><br />1 ---0---------------------------0-----------------------------------------------------<br />2 --------0-------------3------------0---1---0-------------------0------------------<br />3 -------------2---0--------0---------------------------------------------------------<br />4 --------------------------------------------------2---3---4-------------------------<br />5 ---3------------------2-----------------0-------------------------------------------<br />6 --------------------------------------------------------------------------------------<br /><br />1 -------------------------------------------------------------------------------------<br />2 ----------------0----1--------3---------------------0----1-------3---------------<br />3 ------------0-------------0--------0------------0------------0--------0----------<br />4 --------0----------------------0-------------0---------------------0---------------<br />5 --------------------------------------------------------------------------------------<br />6 ---3-----------------3------------------3-----------------3----------------3------<br /><br /><br />เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง My Sassy Girl นั่นเองครับ อาจจะยากหน่อยสำหรับเพื่อนๆ ที่พึ่งหัดเล่น Tab แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เองครับUnknownnoreply@blogger.com0